ปลุกไฟการทำงานในตัวคุณ ด้วยหนังสือสักเล่มที่จะเปลี่ยนการทำงานให้มีพลัง
หลังจากมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 24 ที่มีขึ้นในวันที่ 2-13 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมาซึ่งปีนี้ก็เป็นครั้งแรกที่จัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งใครที่ยังไม่มีแพลนว่าจะซื้อหนังสือเล่มไหน เรามีไอเดียสำหรับหนังสือน่าอ่านที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ หรือใครก็ได้ที่อยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อปลุกไฟในการทำงาน เหมือนเติมเชื้อเพลิงชั้นดีให้การทำงานในวันใหม่
ความลับของคนที่ไม่เคยเอางานกลับไปทำที่บ้าน
“ฟุ้งซ่านง่าย ไม่มีสมาธิ รู้สึกเหนื่อยกับการทำงานหรือการเรียนทุกวัน พอใกล้ถึงช่วงที่ต้องนำเสนองานหรือเดดไลน์ก็รู้สึกกังวล” คุณเคยมีอาการเหล่านี้บ้างมั้ย สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการเอางานกลับไปทำต่อที่บ้าน จนรู้สึกเครียด เพราะแทนที่จะได้พักผ่อน กลับต้องมานั่งปั่นงานดึกดื่น จนเสียเวลาส่วนตัว ไม่มี work life balance จนนำไปสู่สภาวะ Burn Out หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับคุณมาก เพราะรวบรวม 18 วิธีฝึกสมาธิ ที่ช่วยให้เราจดจ่อกับงาน หรือสิ่งต่างๆ มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแนวทางการปรับพฤติกรรม และจัดสรรเวลา หากเราทำได้ เราจะมีเวลาไปทำสิ่งที่ชอบได้เยอะเลย โดยเริ่มจากกิจวัตรประจำวันของเรา เช่น การกิน การนอน และการออกกำลังกาย เมื่ออ่าน “ความลับของคนที่ไม่เคยเอางานกลับไปทำที่บ้าน” เล่มนี้จบ คุณจะไม่มีข้ออ้างในการเอางานกลับไปทำที่บ้านอีก
STARTUP กับการวางกลยุทธ์บุกตลาด
ไม่ว่าคุณจะเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ หรือกำลังสนใจธุรกิจนี้อยู่ หนังสือเล่มนี้ได้รวมเอา 40 กลยุทธ์ที่สตาร์ทอัพระดับโลกใช้ปั้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ได้อาศัยแค่ทีมงานที่เก่ง และผลิตภัณฑ์ที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องมีการวางแผนที่ดี มีกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างสรรค์ ถึงจะรับมือคู่แข่งที่ใหญ่กว่าได้ เช่น สตาร์ทอัพร้านกาแฟในจีนใช้เวลา 9 เดือนกลายเป็นบริษัท 1,000 ล้านดอลลาร์ได้ วิธีการล้มคู่แข่งโดยไม่ต้องใช้งบเยอะของสตาร์ทอัพเฟอร์นิเจอร์ในอินเดีย และเรียนรู้วิธีสร้างแบรนด์แบบ Xiaomi ที่คิดใหญ่อยากเป็นเบอร์หนึ่งสมาร์ทโฟนของโลก อ่านเล่มนี้แล้วคุณจะรู้สึกฮึกเหิม และได้เรียนรู้กลยุทธ์ที่น่าสนใจเพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจหรืองานของคุณเอง
ทุกอย่างในชีวิต เริ่มจากความคิดที่เป็นระเบียบ
หากคุณมีปัญหากับการจัดระบบความคิด จับต้นชนปลายไม่ถูก ส่งผลทำให้เวลาทำงานรู้สึกประหม่า หนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้ เนื้อหาเล่าถึงขั้นตอนการจัดระเบียบความคิดที่เริ่มจาก ปลดปล่อย รวบรวม จำแนก และจัดลำดับ ซึ่งผู้เขียนได้แนะนำเครื่องมือจัดการความคิดได้อย่างอยู่หมัด เช่น การทำ Mandala Art ตาราง 9 ช่อง เครื่องมือที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย สร้างไอเดีย และช่วยในการตัดสินใจ โดยวาดตาราง 9 ช่อง เขียนหัวข้อความคิดหลักในช่องกลาง เช่น เป้าหมายที่เราต้องการ แล้วคิดหัวข้อสำคัญเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น 8 หัวข้อ หรือเทคนิคการคิดไอเดียเจ๋งๆ การจัดระเบียบการอ่านเพื่อให้จดจำได้ง่าย
อย่าปล่อยให้สิ่งของยึดครองโต๊ะทำงาน
หลายคนอาจมองว่าโต๊ะทำงานรกๆ มีของมากมายหลายสิ่งเป็นเรื่องส่วนตัว และก็พอใจที่จะเป็นแบบนี้ แถมยังบอกว่าความรกนี่แหละช่วยให้คิดไอเดียออก แต่สำหรับบางคนถ้าโต๊ะยังรกแล้วผลงานก็ไม่ดีอีก ถึงเวลาแล้วที่คุณควรสะสาง จัดเก็บเอกสารที่กองสุมอยู่เป็นภูเขา คัดเลือกอุปกรณ์ทํางานที่ไม่จําเป็นทิ้ง จัดให้ถูกที่ถูกทาง เพราะของบางอย่างแทนที่จะเป็นตัวช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้น กลับเป็นภาระที่ทำให้งานปนกันไปหมด หนังสือเล่มนี้ได้นำแนวคิด “มินิมัลลิสต์” ไปประยุกต์ใช้กับการจัดโต๊ะทํางานให้มีสิ่งของน้อยแต่ช่วยให้ทํางานได้ดีขึ้น ช่วยให้คุณตัดสินใจทิ้งของไม่จำเป็นได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงการบริหารเวลาแบบมินิมัลลิสต์ด้วย (อ่านเพิ่ม! วิธีจัดโต๊ะทำงานตามฮวงจุ้ย )
อิคิไก: ความหมายของการมีชีวิตอยู่
“คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?” หากคุณยังไม่แน่ใจในคำตอบ ลองนึกง่ายๆ ว่าวันนี้เราตื่นมาเพื่อทำอะไรบ้าง สิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่นหรือไม่ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปค้นหาคำตอบนั้น อิคิไก เป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น “อิคิ” แปลว่า”มีชีวิตอยู่” และ ”ไก” แปลว่าคุณค่าหรือความหมาย รวมกันแล้วหมายถึง “ความหมายของการมีชีวิตอยู่” แนวคิดนี้เชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน หากเรามองหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ ตรงหน้า เช่น การได้ตื่นมาเจอคนที่เรารัก ได้อ่านหนังสือดีๆ ได้ทานข้าวกับครอบครัว มีสุขภาพแข็งแรง และจิตวิญญาณที่มุ่งมั่น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากตื่นขึ้นทุกๆ วัน เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
หลายคนบอกว่าหนังสือเปลี่ยนความคิดคนได้ แต่ถ้าแค่อ่านอย่างเดียว แล้วไม่นำสิ่งดีๆ ไปปรับใช้ ชีวิตคุณก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลองหาเวลาว่างแวะเวียนไปมหกรรมงานหนังสือบ้าง เพื่อนๆอาจเจอหนังสือดีๆสร้างแรงบันดาลใจ ปลุกไฟในการทำงาน ให้ลุกโชนเหมือนสมัยเรียนจบใหม่ได้งานแรก ก็เป็นไปได้นะ