Toxic people สาเหตุหลักที่บั่นทอนกำลังการทำงานของทีม
ยังคงเป็นท็อปปิคที่พูดถึงกันได้อยู่เสมอและเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถพบเจอได้ แถมยังอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บางคนต้องหางานใหม่ ด้วย Toxic People นี้ ทำให้การย้ายที่ทำงานบางคนย้ายแล้วไปเจอที่ทำงานใหม่ที่มีแต่คนดีๆ ก็ถือว่าโชคดีไป แต่บางคนกลับต้องหนีเสือปะจระเข้ ย้ายออฟฟิศแล้วก็ยังเจอคน Toxic อยู่ดี
ส่วนอีกประเภทก็คือ ที่ทำงานเก่ามีความสุขดี รายล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมงานดีๆ แต่การย้ายครั้งนี้ มีเหตุผลให้ต้องไปเติบโตในสายงานนั้น แต่สุดท้ายดันโชคร้ายต้องไปเจอเพื่อนร่วมงาน Toxic ในออฟฟิศใหม่ แบบนี้ควรทำอย่างไรดี บทความนี้มีคำตอบ
ทำความรู้จักกับมนุษย์ Toxic
ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักกับมนุษย์ Toxic หรือ Toxic People กันก่อนเลยดีกว่า จริงๆ แล้วเราสามารถพบกับคนเหล่านี้ได้ทั่วไปเลย ไม่ว่าจะเป็นในที่สาธารณะต่างๆ ทั้งบนรถโดยสารประจำทาง, รถไฟฟ้า, ห้างสรรพสินค้า หรือตลาด แต่นั่นก็เป็นเพียงการเจอแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องเจอคนแบบนี้ในที่ทำงาน ที่ต้องอยู่กันไปยาวๆ ตลอด 5 วัน/สัปดาห์ รับรองว่าสยองแน่นอน ทีนี้มาดูกันดีกว่า ว่ามนุษย์ Toxic ในที่ทำงานมีลักษณะอย่างไรบ้าง
– ตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลาง
คนประเภทนี้มักไม่สนใจคนรอบข้างหรือปัญหาที่เกิดกับคนอื่น หากเพื่อนร่วมงานมีอุปสรรคในการทำงานมักจะไม่หยิบยื่นความช่วยเหลือ แต่หากตัวเองเจอปัญหาในการทำงานเมื่อไร ทุกคนในทีมจะต้องมาช่วยเขาแก้ปัญหาทุกครั้ง ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะยุ่งกับงานของตัวเองมากแค่ไหน นอกจากนี้คนพวกนี้ ยังเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง แถมยังไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นอีกต่างหาก
– ทำงานเอาหน้า
เวลามีโปรเจคต์ที่ต้องช่วยกันทำงานเป็นทีม คนเหล่านี้มักชอบหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขอความช่วยเหลืออะไรไป ก็มักจะอิดออด แต่เมื่อถึงวันที่ต้องพรีเซนต์งานกับหัวหน้า กลับโผล่มาซะอย่างนั้น แถมเคลมว่าเป็นผลงานตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
– มือวางอันดับ 1 ด้านการนินทา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องของการนินทามีอยู่ในทุกสังคม โดยเฉพาะสังคมมนุษย์เงินเดือนยิ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่งคนขี้เม้าท์เหล่านี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งมนุษย์ Toxic เช่นกัน เพราะบางครั้งเรื่องราวที่ถูกพูดถึงลับหลังอาจไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป หรือบางทีก็อาจเป็นเรื่องจริง แต่ย่อมมีการใส่สีตีไข่เพิ่มเติมธรรมดาเข้าไปตามประสาการเม้าท์มอย ซึ่งนี่อาจส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานของเราได้ หากสายเม้าท์เหล่านี้ เอาเรื่องไม่จริงของเราไปพูดต่อๆ ทั่วทั้งออฟฟิศ จนทำให้คนอื่นมองเราไม่ดี
– นักวิจารณ์
บุคคลจำพวกนี้มักชอบวิพากษ์วิจารณ์งานของคนอื่น ทั้งๆ ที่บางงานตัวเองแทบไม่ได้ทำด้วยซ้ำ แต่ก็อยากมีส่วนร่วม ซึ่งบางทีคำวิจารณ์เหล่านี้ อาจทำให้ผู้ได้ยินเสียกำลังใจและรู้สึกไม่ดีก็เป็นได้ ทั้งๆ ที่ผลงานของเขาก็อาจจะไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร แม้ว่าการติเพื่อก่อ จะถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผู้ถูกวิจารณ์ได้นำข้อเสียปรับปรุงตัวเอง แต่คำนี้ไม่สามารถใช้ได้กับบุคคลแบบ Toxic People เพราะพวกเขามักชอบวิจารณ์งานคนอื่น เพื่อยกตัวเองให้ดูเหนือกว่าและด้อยค่าคนอื่นที่เป็นคู่แข่ง
– เจ้าแม่เหวี่ยงแห่งปี
คนแบบนี้ก็ถือว่าน่าเบื่อไม่แพ้กัน เพราะเวลาที่ไม่พอใจอะไรก็มักจะเล่นใหญ่อยู่ตลอดเวลา แสดงออกทางอารมณ์แบบเกินเบอร์โดยที่ไม่แคร์ใครทั้งสิ้น ซึ่งส่วนใหญ่คนพวกนี้มักไม่รู้จักการควบคุมอารมณ์ตัวเอง และไม่มีความเกรงใจในการโมโหใส่คนอื่น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสายอ่อนแอรับบทนางเอกแต่ร้ายลึก คนพวกนี้มักจะร้องไห้ง่าย รับบทเป็นผู้ถูกกระทำ พยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการทำตัวเป็นคนน่าสงสาร
10 วิธีรับมือกับมนุษย์ Toxic
เล่าถึงหลากประเภทของมนุษย์ Toxic ในออฟฟิศที่เราสามารถเจอได้บ่อยๆ แล้ว คราวนี้มาดูวิธีแก้ปัญหาและรับมือกับคนเหล่านี้กันดูบ้าง
1. ดูแลตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก
แม้ทุกวันนี้ชีวิตส่วนใหญ่ของเราจะอยู่กับงาน แต่อย่าลืมว่าสุขภาพจิตและสุขภาพกายของเราก็สำคัญ พยายามระลึกไว้เสมอว่าความ Toxic นั้นก่อให้เราเกิดความเครียดสะสมได้ ดังนั้นเราจึงควรปล่อยวางกับเรื่องพวกนี้ดูบ้าง บางเรื่องถ้าไม่หนักหนาจนเกินไปก็ให้ลองอิกนอร์ดู แล้วหากิจกรรมอื่นๆ ทำ เพื่อเป็นการคลายเครียด
2. ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
หากเจอคนนินทาหรือเอาเรื่องคุณไปพูดต่อแบบเสียๆ หายๆ แล้วเรื่องนั้นไม่ใช่ความจริง ขอให้คุณยึดหลักนี้ไว้เสมอว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” หากเรื่องราวที่โดนนินทากลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ขอเพียงแค่คุณตั้งสติไว้ให้มั่น อย่าลนลานจนเกินไป จากนั้นให้เตรียมสิ่งที่เป็นความจริงไว้ เพื่อฟาดกลับว่าเราไม่ได้ไปอย่างที่เขาพูดถึงเรา
3. หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า สร้างระยะห่าง
“พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” สำนวนนี้ยังคงใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เพราะบางครั้งถ้าเราเจอมนุษย์ Toxic แล้วเรายิ่งแรงใส่กลับไป อาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้ เพราะฉะนั้นลองใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ทำเสมือนว่าคนนั้นเขาไม่มีตัวตนในออฟฟิศ สร้างระยะห่างที่เหมาะสม อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการจัดการอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงด้วย เมื่อต่างคนต่างอยู่ โอกาสที่จะเกิดการปะทะก็จะน้อยลงตามไปด้วย
4. หาเพื่อนที่ไว้ใจได้
บางครั้งการต้องอยู่คนเดียวในสภาวะของความเครียด ก็อาจจะทำให้เราเครียดมากขึ้นเป็น 2 เท่า ดังนั้นจึงควรต้องหาเพื่อนคู่ใจในออฟฟิศไว้สักคน แต่คนนี้ต้องเป็นคนที่สนิทและไว้ใจได้จริงๆ ด้วยนะ เพราะเราเชื่อว่าในสังคมที่เต็มไปด้วย Toxic อย่างไรก็ต้องมีคนดีๆ ปะปนอยู่บ้างแหละ เพราะการมีเพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ ก็มีจะการช่วยซัพพอร์ตและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สามารถช่วยพากันผ่านช่วงเวลายากลำบากไปได้
5. หากิจกรรมทำ ระบายความเครียด
ความเครียดนั้นถ้าเก็บสะสมไว้นานๆ ย่อมส่งผลเสียแน่นอน อันดับหนึ่งเลยคือเรื่องของสุขภาพจิตที่ต้องแย่ลงอย่างแน่นอน เผลอๆ อาจลามไปถึงสุขภาพกายอีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงควรหากิจกรรมอื่นๆ ทำเพื่อเป็นการคลายเครียด เช่น ลองออกไปเดินนอกออฟฟิศสัก 5-10 นาที อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องเจอคนที่เป็น Toxic ด้วย หรือลองเปิดฟังเพลงระหว่างทำงาน ก็จะช่วยให้ผ่อนคลายได้เช่นเดียวกัน จากนั้นหลังเลิกงานก็ลองชวนเพื่อนรู้ใจไปหาของอร่อยๆ ทาน ไปเที่ยวพักผ่อน รับรองช่วยได้แน่นอน
6. ตั้งทาร์เก็ต คิดถึงเป้าหมายในการทำงาน
หากเจอมนุษย์ Toxic มาทำร้ายจิตใจ อยากให้ลองคิดถึงเป้าหมายในการทำงานดูบ้าง ว่าเรามาอยู่จุดนี้เพราะอะไร แล้วเราสามารถเติบโตในสายนี้ได้ด้วยความสามารถของเราเอง โดยที่ไม่ต้องแคร์เสียงวิจารณ์ที่ไม่มีประโยชน์จากคนรอบข้าง แล้วยิ่งถ้าคนๆ นั้นเป็นแค่เพื่อนร่วมงานระดับเดียวกัน ไม่ใช่หัวหน้าที่ต้องประเมินเราแล้วด้วย ยิ่งควรคิดไว้เลยว่า เขาไม่ได้มีผลต่อการคะแนนการทำงานของเราเลยสักนิดหน่อย เพราะฉะนั้นเราจะไปแคร์เขาทำไม
7. ลองพูดคุยหรือหาวิธีการอยู่ร่วมกัน
ส่วนใครที่เป็นสายที่ต้องเคลียร์เพื่อให้จบ ก็ลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้ โดยการลองหาเวลาพูดคุยกับคนๆ นั้นดูสักแมตช์ แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นการคุยแบบประนีประนอมนะ อย่าเป็นการใช้อารมณ์เด็ดขาด มิฉะนั้นเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตแน่นอน ลองคุยกันด้วยเหตุผล หาวิธีปรับด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและอยู่ด้วยกันได้มีความสุขและสบายใจยิ่งขึ้น
8. ถึงเวลาฟ้องท่านเปา
หากสุดท้ายถ้าลองทั้ง 7 วิธีที่แนะนำไปแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น จะลองใช้ยาแรงดูบ้างก็ไม่เสียหาย ด้วยการหาโอกาสบอกหัวหน้าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ให้หัวหน้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในการจัดการความขัดแย้งภายในทีม แต่การแจ้งหัวหน้าต้องเป็นการดำเนินการที่โปร่งใสด้วยนะ ต้องเป็นความเห็นที่มาจากคนทั้งทีม ผสานการวางแผนที่ชัดเจน อีกอย่างคือวิธีนี้ควรทำเมื่อเราทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เท่านั้น เพราะถ้าทำบ่อยๆ เราอาจกลายเป็นขี้ฟ้องเอาได้เช่นเดียวกัน
9. มองหาสิ่งใหม่ๆ หรือมองหาการเปลี่ยนแปลง
แต่ถ้าลองวิธีข้างบนก็ยังไม่ดีขึ้นอีก แล้วคุณรู้สึกว่าสุดทนแล้วจริงๆ ก็คงต้องถึงเวลาในการมองหาการเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะ แต่อย่าลืมว่ามนุษย์ Toxic นั้นมีอยู่ทุกที่จริงๆ เพราะหากเป็นเคสที่คุณเพิ่งย้ายออฟฟิศมาใหม่แล้วเจอคนประเภทนี้อีก ก็ไม่ต่างอะไรจากการหนีเสือปะจระเข้ การจะลาออกอีกครั้งหรือเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยๆ ดูจะเป็นไอเดียที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะฉะนั้นลองปรึกษาหัวหน้าดูว่า มีหนทางที่จะย้ายแผนกหรือไปทำงานอื่นที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องมนุษย์ Toxic คนนี้ได้ไหม
10. ไม่ควรนำความ Toxic กลับไปบ้านด้วย
เรื่องที่ออฟฟิศก็ควรให้จบที่ออฟฟิศ เพื่อการดูแลสภาพจิตใจของตัวเอง จึงไม่ควรนำเรื่องราวแย่ๆ เหล่านี้กลับมาที่บ้าน หรือเอามาปนกับเรื่องส่วนตัว จนกระทบการใช้ชีวิตหลักของเรา อย่าลืมชีวิตมนุษย์เราไม่ได้มีแค่ที่ทำงาน ก่อนจะใจดีกับคนอื่น เราควรจะใจดีกับตัวเองให้ได้เสียก่อน ลองหาซีรีส์หรือภาพยนตร์สนุกๆ ดี เปิดเพลงฟัง ร้องคาราโอเกะ สั่งของอร่อยๆ มาทาน หรือ แพลนทริปเที่ยว จะได้ลืมเรื่องแย่ๆ นี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม