หลักพุทธศาสนาสอนให้เรายึดถือทางสายกลางเป็นที่ตั้ง เพราะอะไรที่ตึงเกินไปก็ไม่ดี หย่อนเกินไปก็ไม่ดีอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หรือแม้แต่เรื่องงาน ที่มีการทำงานแบบ ทำงานแบบสร้างเงิน หรือสร้างงาน โดยเฉพาะการทำฟรีแลนซ์ ถ้าให้น้ำหนักกับเรื่องงานเพียงอย่างเดียว หรือให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนตัวมากกว่างาน ก็ไม่เป็นผลดีทั้งนั้น คนทำงานอย่างเรา ๆ จึงต้องพยายามสร้างสมดุลให้ชีวิตทั้งสองด้าน มาดูกันว่าคนทำงานแบบให้เงินสร้างงาน กับคนทำงานแบบให้งานสร้างเงินนั้นเป็นเช่นไร เราเข้าข่ายประเภทไหน แล้วทำอย่างไรจึงจะค้นพบคำตอบที่ใช่ให้กับชีวิตและหน้าที่การงาน ให้เจอกันครึ่งทางได้อย่างสมดุลที่สุด
รู้หรือยัง? คุณเป็นคน ทำงานแบบสร้างเงิน หรือสร้างงาน ของคุณ
- คนทำงานแบบเงินสร้างงาน – คนทำงานแบบเงินสร้างงาน มีเงินเป็นแรงบันดาลใจสูงสุดในการทำงาน เงินมา…งานเดิน ทำงานตามจำนวนเงินเดือนที่ได้รับเท่านั้น คนกลุ่มนี้มีความคิดว่าไม่จำเป็นต้องโหมทำงานมากมาย ไม่ต้องทุ่มสุดตัว ได้เงินเดือนแค่ไหน ก็ทำงานแค่นั้น แล้วทำงานตามเงินค่าจ้างที่ได้รับผิดตรงไหน ในเมื่อเราก็ยังทำงาน ไม่ได้นั่งเฉย ๆ แค่ไม่ทุ่มสุดตัวให้เหนื่อยยากลำบากแสนสาหัส คำตอบก็คือไม่ผิด แต่การทำงานแบบเอาเงินเป็นตัวตั้งก็ไม่ต่างอะไรกับการทำงานเพียงแค่เลี้ยงชีพ ให้มีชีวิตอยู่เพื่อรอดไปวัน ๆ เราอาจเดินทางถึงเป้าหมาย คือ รายได้ หรือตัวเงินในบัญชีธนาคาร แต่ชีวิตขาดความหมายและคุณค่าบางประการไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมัวแต่อยู่ใน Comfort zone จนไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรใหม่ ๆ ปล่อยให้โอกาสและความท้าทาย ในการทำงานผ่านไปวันแล้ววันเล่า โดยไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเลยว่า เรามีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน เราทำอะไรได้ดี เราทำอะไรได้อีก และเรามีคุณค่าในตัวเองอย่างไร วิถีของคนทำงานแบบเงินสร้างงานช่างดูจำเจและเช้าชามเย็นชามอะไรเช่นนี้ หรือเราจะลองเปลี่ยนเป็นคนทำงานอีกประเภทที่ทำงานแบบงานสร้างเงิน…จะดีกว่ากันหรือไม่…อย่างไร
- คนทำงานแบบงานสร้างเงิน – คำจำกัดความของคนทำงานแบบงานสร้างเงินก็คือ งานมาก่อน เงินสำคัญรองลงมา เห็นงานสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ตั้งใจทำงานเพราะมีใจรักเป็นที่ตั้ง มีความชอบ มีความอยากทำเป็นพื้นฐาน คนทำงานประเภทนี้มักทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ มีจิตใจที่เปิดกว้าง เรียนรู้ได้จากทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงมือทำและทุกคนที่ได้พบเจอ ไม่ปฏิเสธโอกาสและความท้าทายที่ผ่านเข้ามา เป็นคนทำงานที่ทุกองค์กรต้องการตัวมาร่วมงานด้วยมากที่สุด เพราะมี passion ที่ดี มีความมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับองค์กรอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากความสุขของคนบูชางานเหนือสิ่งอื่นใดคือการทำงาน คนกลุ่มนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้เงินที่หามาได้ซื้อความสุขเพื่อชดเชยจากการทำงานที่ไม่ชอบ หรือหลีกหนีจากวิถีชีวิตอันไม่พึงปรารถนา ทำให้มีเงินเหลือเก็บ สามารถนำมาลงทุนต่อยอดสร้างฐานะและความมั่นคงให้กับตัวเองต่อไปได้ มองเผิน ๆ ดูเหมือนว่าการทำงานแบบเน้นงานมากกว่าเงินนั้นจะมีแต่เรื่องดี ๆ แต่ก็อย่างที่บอกว่า สัจธรรมของโลกคืออะไรที่มากเกินไปล้วนมีด้านไม่ดีแฝงอยู่ทั้งนั้น หลาย ๆ ครั้งที่คนทุ่มเทให้งาน ละทิ้งชีวิตด้านอื่น ๆ ของตัวเองไปไม่น้อย อย่างการไม่มีเวลาให้ครอบครัว คนรอบข้าง หรือแม้แต่การดูแลตัวเอง กลายเป็นทำงานหนักหักโหมจนเจ็บป่วยทรุดโทรม หรือพลาดโอกาสที่จะมีช่วงเวลาดี ๆ กับครอบครัวและคนรักไปอย่างน่าเสียดาย ชีวิตก็ไม่อาจพบเจอกับความสุขได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้อีกเช่นกัน เข้าข่าย Lucky in game, unlucky in love.
- จัดสมดุลให้ชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัว – เห็นข้อดีข้อเสียของคนทำงานทั้งสองแบบกันแล้ว ก็ให้ลองเลือกข้อดีของแต่ละแบบมาปรับใช้กับชีวิตของเราให้สมดุล เพราะชีวิตของแต่ละคนมีเงื่อนไขและบริบทที่แตกต่างกัน จัดสมดุลในชีวิตให้ดี แล้วลงมือทำด้วยตัวเอง จึงจะบอกได้ว่า “สุขสำเร็จ” ของแต่ละคนนั้นมีวิถีทางเป็นอย่างไร เริ่มต้นจากการวางแผนกำหนดเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน เพื่อเป็นเข็มทิศนำพาเราไปให้ถึงฝัน