Tax on Payroll ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินเดือน เรื่องควรรู้สำหรับคนทำงาน
เป็นหน้าที่พื้นฐานของประชาชนที่จะต้องจ่ายให้รัฐเพื่อนำไปบริหารประเทศ ทำให้ในชีวิตของเราหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายภาษีไม่ได้ โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ มนุษย์ทำงาน ฟรีแลนซ์หรือพนักงานออฟฟิศ ที่เมื่อมีรายได้ ก็จำเป็นจะต้องเสีย ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ด้วยกันทั้งนั้น จะเรียกได้ว่าเป็นภาษีพื้นฐานใกล้เคียงกับภาษีมูลค่าเพิ่มเลยก็ได้ และทุก ๆ ต้นปียังเป็นช่วงเวลาแห่งการยื่นภาษีที่บุคคลที่มีรายได้ทุกคนต้องทำ เมื่อเรื่องภาษีเป็นเรื่องใกล้ตัวขนาดนี้ มารู้จัก ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเงินเดือน ให้ดีกว่านี้กันดีกว่า
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เกิดจากแนวคิดที่ว่า จะมีการหักภาษีไว้ทุกครั้งเมื่อมีการจ่ายเงิน นั่นหมายความว่า ถ้ามีใครจ่ายเงินเดือน หรือค่าจ้างใด ๆ ให้แก่คุณ คนที่จ่ายเงินหรือเจ้าของธุรกิจจะต้องหักภาษีไว้ส่วนหนึ่งทันทีเพื่อรอส่งให้กรมสรรพากร ที่ต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ในมุมของภาษีมองว่า พอมีการจ่ายเงินเกิดขึ้นแล้ว ฝั่งคนที่รับเงินถือว่ามีรายได้ ซึ่งคนที่มีรายได้ตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนดจะต้องส่งภาษีสิ้นปี ตามแบบ ภ.ง.ด. 90, 91 กรณีเป็นบุคคลธรรมดา หรือ ภ.ง.ด. 50 กรณีเป็นนิติบุคคล
ทำไมบริษัทต้องหัก ภาษี ณ ที่จ่าย เงินเดือนของคุณ
ตามมาตรา 50 แห่งกฎหมายประมวลรัษฎากรกำหนดให้บุคคล ห้างหุ้นส่วน บริษัท สมาคม หรือคณะบุคคลซึ่งเป็นผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 ต้องหักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน ทำให้แทนที่สรรพากรจะต้องรอให้ทุกคนยื่นส่งภาษีตอนสิ้นปี ก็ปรับเปลี่ยนให้ ผู้จ่ายเงินเป็นเหมือนตัวแทนของรัฐที่ทำหน้าที่เก็บเงินภาษีส่งในทุก ๆ เดือนไปก่อน ในรูปแบบของ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งผู้จ่ายภาษีและรัฐบาล เพราะรัฐบาลเองก็จะได้มีสภาพคล่องจากเงินภาษีที่เข้ารัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้เสียภาษีเองก็ไม่ต้องรอจ่ายภาษีทีเดียวตอนสิ้นปี ซึ่งอาจจะเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายในครั้งเดียว แต่ถูกหักเงินจำนวนไม่มากในแต่ละครั้งที่ได้รับเงินเดือน อาจช่วยให้สามารถบริหารเงินได้ดีกว่า และหากมีส่วนที่จ่ายเกินไปก็สามารถมายื่นขอคืนทีหลังได้
บริษัทเลือกทำ ภาษี ณ ที่จ่าย ให้พนักงานประจำอย่างไร
สำหรับพนักงานประจำของบริษัทที่จะต้องได้รับเงินเดือนในทุก ๆ เดือน ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (1) และหากเงินเดือนของพนักงานถึงเกณฑ์ที่กำหนด บริษัทผู้เป็นนายจ้างจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ทุกเดือน ก่อนมอบเงินเดือนให้แก่พนักงาน ยิ่งไปกว่านั้น การจ้างและจ่ายเงินต่อเนื่อง เช่น เงินเดือน หรือการจ้างรายวัน จัดเป็นการจ้างและจ่ายเงินในที่จะต้องคิดภาษีในรูปแบบอัตราก้าวหน้าตามที่กฎหมายกำหนด
วิธีคำนวณการหักภาษี ณ ที่จ่ายมนุษย์เงินเดือน
ก่อนที่จะเข้าสู่การคำนวณภาษีอัตราก้าวหน้า จะต้องรู้ว่ารายได้ทั้งปีมีเท่าไหร่ ซึ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จากเงินเดือนเป็นหลักก็สามารถเอาเงินเดือนแต่ละเดือนมาคูณ 12 ได้เลย หากมีรายได้ทางอื่นเช่น ปันผลจากหุ้น หรือเงินค่าจ้างอื่น ๆ ก็ค่อยนำมาบวกเพิ่ม จากนั้นก็นำมาหักค่าใช้จ่ายตามที่กรมสรรพากรกำหนดและหักค่าลดหย่อนต่อไป
สมการที่จะใช้คิดภาษีก็คือ
รายได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อนส่วนตัว – เงินประกันสังคม = รายได้สุทธิ
นอกจากรายได้ทั้งปีแล้ว ก็ยังมีคำศัพท์อื่น ๆ อย่าง ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อนส่วนตัว เงินประกันสังคม ที่เอามาใช้คำนวณภาษี มาดูกันว่าคำเหล่านี้หมายถึงอะไรกันบ้าง
ค่าใช้จ่าย
ปกติบุคคลธรรมดาถ้ามีรายได้เป็นเงินเดือน สรรพากรกำหนดให้หักค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงิน 50% ของรายได้ แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
ค่าลดหย่อนส่วนตัว
ปกติแล้วกรมสรรพากรจะกำหนดให้นำมาหักค่าได้อยู่ที่จำนวน 60,000 บาท แต่ก็ยังมีรายจ่ายอื่น ๆ เช่น รายจ่ายเพิ่มเติมด้านสุขภาพ อย่างการซื้อประกันสุขภาพ รายจ่ายให้ครอบครัว เช่น การเลี้ยงดูพ่อแม่ รายจ่ายที่หมดไปกับที่อยู่อาศัย เช่น เงินกู้ผ่อนบ้าน และรายจ่ายอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลในแต่ละช่วงที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
เงินประกันสังคม
ถ้าอยู่ในระบบประกันสังคม ก็จะลดหย่อนได้ทั้งจำนวนที่จ่ายสมทบเข้าประกันสังคม แต่ไม่เกิน 9,000 บาท เช่น ถ้าสมทบประกันสังคมอยู่ที่ 5% และฐานค่าจ้างเกิน 15,000 บาท ก็จะหักค่าลดหย่อนประกันสังคมที่จ่ายทั้งปีเท่ากับ 9,000 บาท (750 x 12 เดือน) เป็นต้น